AI ทำให้เครือข่ายเร็วขึ้นและปลอดภัยกว่าเดิมได้อย่างไร? 

AI ทำให้เครือข่ายเร็วขึ้นและปลอดภัยกว่าเดิมได้

AI ทำให้เครือข่ายเร็วขึ้นและปลอดภัยกว่าเดิมได้อย่างไร

การนำ AI มาใช้งานในระบบเครือข่าย (Network) และความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity): กรณีศึกษา Cisco 
ในยุคดิจิทัลที่เครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์เป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยกำลังกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญขององค์กรทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลิตภัณฑ์ของ Cisco ซึ่งเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายและความปลอดภัย 

จากบทความที่แล้ว เราได้รู้ concept ของการนำ AI มาใช้ประโยชน์ ในด้านต่างๆ ในงาน Network และ Security โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำ Network Segmentation และ Detection ด้วย AI Machine learning ไม่เพียงแค่การตรวจตราหน้าประตูบ้านเท่านั้น แต่หลังจากพ้นประตูบ้านเข้ามาภาพใน AI ก็ยังมีบทบาทสำคัญในการตรวจจับสิ่งผิดปกติอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ในบทความที่แล้วได้พูดถึง AI (Artificial Intelligence) และ Machine Learning (ML) สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแบ่งเครือข่าย (Network Segmentation) สามารถตามอ่านบทความได้ที่ การนำ AI และ Machine Learning มาช่วยเพิ่มความปลอดภัยใน Network Segmentation  สำหรับองค์กรในยุคดิจิทัล

 ในบทความนี้จะพาไปสำรวจว่า Cisco ได้นำ AI มาใช้ในมิติใดบ้างของระบบเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัย รวมถึงตัวอย่างผลิตภัณฑ์และแนวคิดสำคัญที่ Cisco ใช้ในการสร้าง “เครือข่ายอัจฉริยะ” (Smarter Networking Solutions) 

บทบาทสำคัญของ AI ในระบบเครือข่ายของ Cisco 
Cisco มุ่งมั่นในการพัฒนาเครือข่ายให้ “ชาญฉลาด” ยิ่งขึ้น โดยการผสาน AI และ Machine Learning เข้ากับผลิตภัณฑ์และโซลูชันของตน เช่น Cisco DNA (Digital Network Architecture) และ Cisco Meraki ซึ่งช่วยให้เครือข่ายมีความยืดหยุ่น ปลอดภัย และพร้อมตอบสนองความต้องการในอนาคต 

1. การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่าย (Network Performance Optimization) 
AI ของ Cisco มีความสามารถในการติดตาม วิเคราะห์ และเรียนรู้รูปแบบการใช้งานเครือข่าย โดยการเก็บข้อมูลจากทราฟฟิกและพฤติกรรมผู้ใช้งาน เพื่อทำการปรับแต่งเส้นทางการรับส่งข้อมูล (Traffic Routing) และการจัดสรรทรัพยากรเครือข่ายโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น การปรับแต่งสัญญาณ Wi-Fi ใน Cisco Meraki ที่ใช้ AI เพื่อลดสัญญาณรบกวน (Interference) และเพิ่มความแรงของสัญญาณในจุดที่ผู้ใช้งานหนาแน่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อและประสบการณ์ของผู้ใช้  

2. การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analytics) 
อีกหนึ่งความสามารถที่สำคัญของ AI ใน Cisco คือ การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ โดยการใช้โมเดล AI ในการตรวจจับสัญญาณเริ่มต้นของปัญหา เช่น ประสิทธิภาพที่ลดลง หรือความผิดปกติของฮาร์ดแวร์ (Hardware Failure) ความสามารถนี้ช่วยให้องค์กรสามารถทำการบำรุงรักษาเชิงรุก (Proactive Maintenance) ลดโอกาสการเกิด Downtime ที่อาจสร้างความเสียหายต่อธุรกิจ  

3. การแก้ปัญหาอัตโนมัติ (Automated Troubleshooting) 
ระบบเครือข่ายมักมีข้อมูลจำนวนมหาศาลจาก Log และ Event ต่างๆ ซึ่งอาจยากต่อการวิเคราะห์ด้วยคน AI ของ Cisco เช่น ใน Cisco DNA Center สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อค้นหาสาเหตุของปัญหาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่เพียงแต่ระบุปัญหา AI ยังสามารถให้คำแนะนำหรือแก้ไขปัญหาโดยอัตโนมัติ เช่น ปัญหาเรื่องการเชื่อมต่อ (Connectivity), การตั้งค่า (Configuration), หรือประสิทธิภาพ (Performance) ช่วยให้ทีม IT ลดภาระและแก้ปัญหาได้เร็วขึ้น  

4. การรักษาความปลอดภัยเชิงรุก (Enhanced Security) 
AI ยังถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถในการรักษาความปลอดภัย โดยการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้และอุปกรณ์ในเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติ (Anomalous Behavior) และภัยคุกคามได้แบบ Real-Time ตัวอย่างเช่น การตรวจจับมัลแวร์ การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือภัยคุกคามจากภายใน (Insider Threat) สิ่งเหล่านี้ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ 

5. การให้ข้อมูลเชิงลึกและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (Network Insights and User Experience) 
AI ใน Cisco Meraki และ Cisco DNA Center สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ รวมถึงประสิทธิภาพของเครือข่ายแบบ End-to-End ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบได้อย่างต่อเนื่อง  

6. การจัดการและบังคับใช้นโยบาย (Policy Management and Enforcement) 
Cisco ใช้ AI ในการวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานเครือข่าย เพื่อให้คำแนะนำและสร้างนโยบายการเข้าถึงที่เหมาะสม โดยระบบสามารถตรวจสอบและปรับปรุงนโยบายเหล่านี้ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและความต้องการในการใช้งานจริง  

7. Intent-Based Networking (IBN) 
แนวคิด Intent-Based Networking เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ Cisco โดยผู้ดูแลระบบสามารถระบุเจตนารมณ์ (Intent) เช่น “แยกการสื่อสารของแผนก A และ B” หรือ “ป้องกันการเข้าถึงจากอุปกรณ์ภายนอก” จากนั้น AI จะตีความเจตนานี้และปรับแต่งค่าการตั้งค่าเครือข่ายให้อัตโนมัติ สิ่งนี้ช่วยลดความซับซ้อนของการบริหารจัดการเครือข่าย โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่  

8. การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency and Sustainability) 
นอกจากประสิทธิภาพและความปลอดภัย Cisco ยังใช้ AI เพื่อตรวจสอบการใช้พลังงานในอุปกรณ์เครือข่าย และปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสม สนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนและลดค่าใช้จ่ายพลังงานขององค์กร  

ผลลัพธ์จากการใช้ AI ใน Cisco 
จากความสามารถเหล่านี้ Cisco มุ่งเน้นไปที่การสร้าง “เครือข่ายอัจฉริยะ” ที่มีคุณสมบัติหลัก 3 ประการ ได้แก่: 
Self-Managing: เครือข่ายสามารถปรับตัวและบริหารจัดการตนเองโดยอัตโนมัติ ลดภาระของทีม IT 
Self-Optimizing: เครือข่ายเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 
Self-Defending: เครือข่ายสามารถป้องกันตนเองจากภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ 

สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย แต่ยังสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ใช้งานและสนับสนุนการทำงานขององค์กรได้อย่างยั่งยืน 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ของ Cisco ที่ใช้ AI 
1. Cisco DNA Center 
เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการเครือข่าย (Network Management) ที่นำ AI มาใช้ในการ: 

  • วิเคราะห์ปัญหาอัตโนมัติ (Automated Troubleshooting) 
  • วิเคราะห์การใช้เครือข่าย (Network Insights) 
  • กำหนดนโยบายและปรับปรุงการทำงานของเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง 

DNA Center จึงช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมและตรวจสอบเครือข่ายได้จากศูนย์กลาง ลดความซับซ้อนในการจัดการระบบ 

2. Cisco Meraki 
Cisco Meraki โดดเด่นด้วยการนำ AI มาปรับแต่งการทำงานของอุปกรณ์ Access Point (AP) และ Switch โดยเฉพาะในด้าน:

  • การปรับสัญญาณ Wi-Fi อัตโนมัติ 
  • การจัดการทราฟฟิกเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด 
  • การให้ข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้ (User Experience Insights) 

Meraki เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น  

บทสรุป 

AI ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการสร้างเครือข่ายอัจฉริยะในยุคดิจิทัล โดย Cisco ได้นำ AI มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่าย ป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ และทำให้การบริหารจัดการเครือข่ายง่ายขึ้น ผ่านผลิตภัณฑ์อย่าง Cisco DNA Center และ Cisco Meraki 

สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยลดภาระของผู้ดูแลระบบ แต่ยังช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจได้รวดเร็วและมีความยืดหยุ่น พร้อมรับมือกับความท้าทายของภัยคุกคามในอนาคตได้อย่างมั่นใจ ในบทความถัดไป เราจะมาลงรายละเอียดและอธิบายฟีเจอร์ AI ของ FortiGate Firewall อย่างละเอียดและครอบคลุม เพื่อให้เห็นภาพว่า AI ถูกบูรณาการเข้ามาอย่างไร และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับระบบเครือข่ายและ Cybersecurity ได้อย่างไรบ้าง 

หากต้องการอ่านบทความด้วย      
Platform Facebook คลิกที่ลิงก์AI ทำให้เครือข่ายเร็วขึ้นและปลอดภัยกว่าเดิมได้อย่างไร? 
Platform Line OA คลิกที่ลิงก์: AI ทำให้เครือข่ายเร็วขึ้นและปลอดภัยกว่าเดิมได้อย่างไร?

อ่านบทความย้อนหลัง ในซีรี่ส์ของ Network Segmentation  
ตอนที่ 1 ปกป้ององค์กรของคุณจากแฮกเกอร์ด้วย Network Segmentation ต้องทำอย่างไร? 
ตอนที่ 2 Network Segmentation แบบไหนเหมาะกับองค์กรของคุณ?   
ตอนที่ 3 Network Segmentation ประโยชน์ที่มากกว่าแค่ความปลอดภัย  
ตอนที่ 4 กลยุทธ์การทำ Network Segmentation เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับธุรกิจของคุณ 
ตอนที่ 5 5 ขั้นตอนสำคัญในการนำ Network Segmentation มาใช้งานจริงในองค์กร
ตอนที่ 6 ตัวอย่างการใช้งาน Network Segmentation ในองค์กร 
ตอนที่ 7 NAC Solution กับ Network Segmentation: การปกป้องเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
ตอนที่ 8 PAM Solution กับ Network Segmentation: การเสริมความปลอดภัยของเครือข่ายองค์กร
ตอนที่ 9 การนำ AI และ Machine Learning มาช่วยเพิ่มความปลอดภัยใน Network Segmentation  สำหรับองค์กรในยุคดิจิทัล 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  

อย่ารอช้า! มาปกป้ององค์กรของคุณตั้งแต่วันนี้  
Netmarks (Thailand) พร้อมช่วยยกระดับความปลอดภัยของเครือข่ายด้วยโซลูชัน Network Segmentation ที่ครอบคลุมและออกแบบเฉพาะสำหรับองค์กรของคุณ หากท่านต้องการคำปรึกษาและรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง สามารถติดต่อเราได้ที่  

Website Contact Us:https://www.netmarks.co.th/contact-us 

E-mail:marketing@netmarks.co.th  

Facebook:Netmarks Thailand   

Line OA: @netmarksth  

Tel: 0-2726-9600 

Similar Posts