SASE จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับการรักษาความปลอดภัยสำหรับข้อมูลของเราใน Cloud แต่ก่อนอื่นที่จะพูดถึงความสำคัญ เรามาทำความรู้จักกับ SASE กันก่อนดีกว่าค่ะ

SASE ความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นต่อองค์กร

ในยุคสมัยใหม่ที่ข้อมูลทุกอย่างวิ่งอยู่ใน Cloud  ทุกอย่างรวดเร็วและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ส่งไปถึงรูปแบบการทำงานขององค์กรต่างๆ ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป หลายองค์กรบุคลากรสามารถทำงานจากที่ไหนภายในโลกก็ได้ ข้อมูลก็จะยังคงอยู่  สามารถดึงมาใช้งานและส่งถึงกันได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดนี้ทำให้การทำงานสะดวก รวดเร็ว และง่ายดายมากยิ่งขึ้นจากที่ไหนก็ได้ค่ะ

แต่ความสะดวกสบายหลายครั้งมักแลกมาด้วยความอันตรายเช่นเดียวกันค่ะ เนื่องจากข้อมูลที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน สามารถวิ่งไปที่ไหนก็ได้ ทำให้สามารถเกิดการโจรกรรมข้อมูลทางโลกไซเบอร์ได้ง่าย

SASE จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับการรักษาความปลอดภัยสำหรับข้อมูลของเราใน Cloud แต่ก่อนอื่นที่จะพูดถึงความสำคัญ เรามาทำความรู้จักกับ SASE กันก่อนดีกว่าค่ะ

SASE (Secure Access Service Edge) เปรียบเสมือนรูปแบบโมเดลสำหรับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่รวมเอาฟังก์ชันการทำงานด้าน Network และ Security เข้าไว้ด้วยกัน มารันผ่านเทคโนโลยีเครือข่ายอย่าง

  • SD-WAN
  • Zero Trust
  • Secure Web Gateway
  • Firewall
  • Cloud access security broker

เป็นต้น เสมือนเป็นการนำระบบความปลอดภัยมาครอบระบบเครือข่ายขององค์กรเอาไว้ จึงทำให้ SASE นั้นมีข้อดีต่อองค์กรตรงที่สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของระบบภายในองค์กรได้อย่างครอบคลุม ด้วยคุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจ 4 ข้อ ดังนี้

1. SASE สามารถช่วยบริหารจัดการได้ในคราวเดียว

SASE สามารถที่จะรวมศูนย์ระบบทรัพยากรต่าง ๆ เช่น Data Center , ระบบเครือข่ายของสำนักงานสาขา , ระบบ Cloud ขององค์กร มาบริหารจัดการดูแลได้จากจุดจุดเดียว โดย SASE จะทำการสร้างเครือข่ายใหม่ขึ้นมาและเชื่อมโยงทุกระบบเข้าหากัน ทำให้ผู้ที่รับผิดชอบบริหารจัดการดูแลสามารถที่จะบริหารจัดการเรื่องของความปลอดภัยในส่วนต่าง ๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น กำหนดและตั้งค่าเพียงจุดเดียวระบบความปลอดภัยก็จะเชื่อมโยงไปถึงกันในทุก ๆ ส่วนข้อมูลขององค์กร

2. SASEA สามารถช่วยองค์กรนำศักยภาพของ Cloud มาใช้ได้อย่างเต็มที่

เทคโนโลยี Cloud มีจุดเด่นและข้อดีในเรื่องความสะดวกสบาย รวดเร็ว ที่ผู้ใช้งานสามารถรีโมทได้ด้วยตนเอง  แต่ข้อเสียของ Cloud มักจะเป็นในเรื่องของปัญหาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในการเข้าถึงข้อมูล SASE จึงดีต่อองค์กรและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นจากการรวมเอาฟังก์ชันด้าน Network และ Security เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อป้องกันความปลอดภัยต่อข้องมูลภายในองค์กรของคุณ ทำให้องค์กรสามารถใช้งาน Cloud ได้เต็มประสิทธิภาพ และใช้งานได้คุ้มค่าตามที่ต้องการ

3. SASE สามารถช่วยให้องค์กรระบุผู้เข้าใช้งานได้

SASE จะสามารถช่วยให้องค์กรสามารถดูแลความปลอดภัยในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลขององค์กรได้ดีมากขึ้น เพราะ SASE สามารถที่จะระบุลึกไปถึงอัตลักษณ์ที่ชัดเจนมากกว่าหมายเลข IP ได้เลยค่ะว่ามีการเข้าถึงข้อมูลมาจากอุปกรณ์ใดบ้าง มาจากเครือข่ายไหน ระบุพิกัดตำแหน่งของผู้ใช้งานได้อย่างละเอียด

ทำให้องค์กรสามารถที่จะตรวจสอบและระบุถึงความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้ง่ายยิ่งขึ้น หากพบว่าการเข้าถึงจากการใช้งานของผู้ใช้งานนั้น มีความเสี่ยงไม่น่าไว้วางใจ ระบบก็จะทำการเชื่อมโยงเครือข่ายและป้องกันการเข้าใช้งานกับเครือข่ายทั้งระบบในทันที ทั้งยังสามารถช่วยให้องค์กรสามารถออกแบบและกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลของพนักงานแต่ละระดับได้อย่างสะดวกมากขึ้น

4. เชื่อมโยงเครือข่ายได้ทั่วโลก

คุณสมบัติการทำงานของ Cloud ที่ทำให้คุณสามารถึงข้อมูลมาใช้จากส่วนไหนในโลกก็ได้ ทำให้  SASEสามารถที่จะขยายเครือข่ายออกไปได้ทั่วโลก ทำให้องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีสาขาอยู่ในประเทศต่าง ๆ สามารถที่จะใช้เทคโนโลยีนี้บริหารจัดการเรื่องระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับองค์กรได้อย่างครอบคลุมไม่ว่าจะอยู่ในส่วนไหนทั่วโลก

จากคุณสมบัติเด่นของ SASE ที่แอดมินได้เขียนถึงข้างต้นนั้น ผู้อ่านทุกท่านน่าจะได้ทราบถึงข้อดีของ SASE กันแล้วใช่ไหมคะว่า SASE มีข้อดีและสำคัญต่อระบบการทำงานภายในองค์กรได้อย่างไรในโลกยุคใหม่ที่อะไรๆก็อยู่บน Cloud  SASE นับว่าเป็นอีกหนึ่งโซลูชันบนโลกเทคโนโลยี่ที่น่าสนใจ และสามารถช่วยให้องค์กรต่างๆ ทำงานร่วมกันจากทุกมุมของโลกได้อย่างสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยไปพร้อมๆกันนั่นเองค่ะ แล้วองค์กรของคุณผู้อ่านหละคะพร้อมที่จะเติบโตไปกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพแล้วรึยังคะ

ติดต่อสอบถาม Netmarks ได้ที่

Website Contact Us: https://www.netmarks.co.th/contact-us

E-mail: marketing@netmarks.co.th

Facebook: Netmarks Thailand

Tel: 0-2726-9600

LineOA : @netmarksth

Similar Posts